วันพฤหัสบดีที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2556

ข้อมูลที่น่าสนใจที่สุดเกี่ยวกับการจุมพิต


ดูเหมือนเกือบทุกคนรู้วิธีจูบ แต่อาจไม่รู้ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่น่าสนใจของการจุมพิต ยกตัวอย่างเช่นการจูบดีต่อเราหรือไม่? ควรจูบลาภรรยาก่อนออกจากบ้านหรือเปล่า? คนญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และอีกหลายประเทศจูบกันแบบไหน? จูบทำให้ผอมลงได้จริงหรือ?
     
        ต่อนี้ไปคือ ข้อมูลที่น่าสนใจที่สุดเกี่ยวกับการจุมพิต

       1 การจูบทำให้กล้ามเนื้อ 29 ส่วนบนใบหน้ามีการเคลื่อนไหว หมายความว่าการจูบเป็นวิธีบริหารกล้ามเนื้อที่ดีที่สุดเพื่อป้องกันความเหี่ยวย่น
     
       2 ในน้ำลายที่คู่รักแลกเปลี่ยนกันระหว่างการจูบประกอบด้วยสารต่างๆ มากมาย อาทิ ไขมัน เกลือแร่ โปรตีน จากการศึกษาล่าสุดพบว่า การแลกเปลี่ยนสารเหล่านี้ช่วยกระตุ้นการสร้างแอนติบอดี้มาจัดการกับเชื้อโรคชนิดต่างๆ ที่บุกรุกเข้าสู่ร่างกาย
     
       3 คน 66% หลับตาขณะจุมพิต ที่เหลือลืมตาชื่นชมอารมณ์บนใบหน้าของคนที่ประกบปากกันอยู่
     
       4 จากสถิติของสหรัฐฯ ผู้หญิงอเมริกันเคยจูบผู้ชาย 80 คนโดยเฉลี่ยก่อนแต่งงาน
     
       5 การจูบแบบเร่าร้อนแต่รวดเร็วเผาผลาญไขมันเพียง 2-3 แคลอรี่ แต่ถ้าจูบแบบเฟรนช์คิส ไขมันจะถูกเผาผลาญมากกว่า 5 แคลอรี่
     
       6 ริมฝีปากมีความอ่อนไหวต่อสิ่งเร้ามากกว่านิ้วถึง 200 เท่า
     
       7 เชื่อกันว่า ผู้ชายที่จูบภรรยาก่อนออกจากบ้านไปทำงาน มีชีวิตคู่ยืนยาวกว่าผู้ชายที่ออกจากบ้านโดยไม่ร่ำลาภรรยาถึง 5 ปี และผู้ชายกลุ่มหลังมีแนวโน้มสูงที่จะประสบอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง
     
       8 การจุมพิตอย่างดื่มด่ำแค่ 90 วินาที ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ชีพจรเต้นแรง ระดับฮอร์โมนในเลือดสูบฉีด ส่งผลให้อายุสั้นลง 1 นาที
     
       9 คนฝรั่งเศสเรียก ‘เฟรนช์คิสส์’ ว่า ‘จุดนัดพบของวิญญาณ’ เฟรนช์คิสส์คือการจูบที่ใช้ทั้งริมฝีปากและลิ้น นอกจากนั้น นักรักแดนน้ำหอมยังคิดค้นวิธีจูบอีกแบบที่ใช้ลิ้นเพียงอย่างเดียว
     
       10 ชาวเอสกิโมไม่ได้แค่เอาจมูกถูกันเพื่อแสดงความรักใคร่เท่านั้น แต่ขณะที่เอาจมูกเข้าไปชนกับฝ่ายตรงข้าม ริมฝีปากของชาวเอสกิโมจะเผยอขึ้นเล็กน้อย ก่อนสูดหายใจลึกและปล่อยลมหายใจออกมาขณะเม้มริมฝีปากลง หลังจากสูดกลิ่นของกันและกันเป็นที่เรียบร้อย ทั้งคู่จึงผลัดกันหอมแก้มโดยฝังจมูกไว้ที่แก้มฝ่ายตรงข้ามราวหนึ่งนาที
     
       11 การจุมพิตในที่สาธารณะเป็นเรื่องรับไม่ได้ในญี่ปุ่น ไต้หวัน จีน และเกาหลี การจูบแบบดั้งเดิมของชาวอาทิตย์อุทัยยังดูเหมือนเป็นการตำหนิพฤติกรรมผิดศีลธรรมของคนตะวันตกกลายๆ กล่าวคือ คู่รักจะรักษาระยะห่างระหว่างกันและกัน ก่อนค้อมศรีษะเข้าหากันและประทับริมฝีปากอยู่แค่เสี้ยววินาที
     
       12 ระหว่างการจูบ ร่างกายจะผลิตสารที่มีฤทธิ์ในการเสพติดมากกว่ามอร์ฟีนถึง 200 เท่า คู่รักจึงรู้สึกเคลิบเคลิ้มเป็นสุข
     
       13 การจูบช่วยให้ผู้หญิงผ่อนคลายและสลายความเครียด
     
       14 โดยเฉลี่ยแล้วคนเราใช้เวลา 20,160 นาที (2 สัปดาห์) ตลอดชีวิตในการจูบ
     
       15 จูบ 1 นาที ปลดปล่อยไขมันจากร่างกาย 26 แคลอรี่
     
       16 เกือบทุกคนบนโลกสัมผัสประสบการณ์ ‘จูบแรก’ ก่อนอายุ 14 ปี

ที่มา


ดูเหมือนเกือบทุกคนรู้วิธีจูบ แต่อาจไม่รู้ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่น่าสนใจของการจุมพิต ยกตัวอย่างเช่นการจูบดีต่อเราหรือไม่? ควรจูบลาภรรยาก่อนออกจากบ้านหรือเปล่า? คนญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และอีกหลายประเทศจูบกันแบบไหน? จูบทำให้ผอมลงได้จริงหรือ?
     
        ต่อนี้ไปคือ ข้อมูลที่น่าสนใจที่สุดเกี่ยวกับการจุมพิต

       1 การจูบทำให้กล้ามเนื้อ 29 ส่วนบนใบหน้ามีการเคลื่อนไหว หมายความว่าการจูบเป็นวิธีบริหารกล้ามเนื้อที่ดีที่สุดเพื่อป้องกันความเหี่ยวย่น
     
       2 ในน้ำลายที่คู่รักแลกเปลี่ยนกันระหว่างการจูบประกอบด้วยสารต่างๆ มากมาย อาทิ ไขมัน เกลือแร่ โปรตีน จากการศึกษาล่าสุดพบว่า การแลกเปลี่ยนสารเหล่านี้ช่วยกระตุ้นการสร้างแอนติบอดี้มาจัดการกับเชื้อโรคชนิดต่างๆ ที่บุกรุกเข้าสู่ร่างกาย
     
       3 คน 66% หลับตาขณะจุมพิต ที่เหลือลืมตาชื่นชมอารมณ์บนใบหน้าของคนที่ประกบปากกันอยู่
     
       4 จากสถิติของสหรัฐฯ ผู้หญิงอเมริกันเคยจูบผู้ชาย 80 คนโดยเฉลี่ยก่อนแต่งงาน
     
       5 การจูบแบบเร่าร้อนแต่รวดเร็วเผาผลาญไขมันเพียง 2-3 แคลอรี่ แต่ถ้าจูบแบบเฟรนช์คิส ไขมันจะถูกเผาผลาญมากกว่า 5 แคลอรี่
     
       6 ริมฝีปากมีความอ่อนไหวต่อสิ่งเร้ามากกว่านิ้วถึง 200 เท่า
     
       7 เชื่อกันว่า ผู้ชายที่จูบภรรยาก่อนออกจากบ้านไปทำงาน มีชีวิตคู่ยืนยาวกว่าผู้ชายที่ออกจากบ้านโดยไม่ร่ำลาภรรยาถึง 5 ปี และผู้ชายกลุ่มหลังมีแนวโน้มสูงที่จะประสบอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง
     
       8 การจุมพิตอย่างดื่มด่ำแค่ 90 วินาที ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ชีพจรเต้นแรง ระดับฮอร์โมนในเลือดสูบฉีด ส่งผลให้อายุสั้นลง 1 นาที
     
       9 คนฝรั่งเศสเรียก ‘เฟรนช์คิสส์’ ว่า ‘จุดนัดพบของวิญญาณ’ เฟรนช์คิสส์คือการจูบที่ใช้ทั้งริมฝีปากและลิ้น นอกจากนั้น นักรักแดนน้ำหอมยังคิดค้นวิธีจูบอีกแบบที่ใช้ลิ้นเพียงอย่างเดียว
     
       10 ชาวเอสกิโมไม่ได้แค่เอาจมูกถูกันเพื่อแสดงความรักใคร่เท่านั้น แต่ขณะที่เอาจมูกเข้าไปชนกับฝ่ายตรงข้าม ริมฝีปากของชาวเอสกิโมจะเผยอขึ้นเล็กน้อย ก่อนสูดหายใจลึกและปล่อยลมหายใจออกมาขณะเม้มริมฝีปากลง หลังจากสูดกลิ่นของกันและกันเป็นที่เรียบร้อย ทั้งคู่จึงผลัดกันหอมแก้มโดยฝังจมูกไว้ที่แก้มฝ่ายตรงข้ามราวหนึ่งนาที
     
       11 การจุมพิตในที่สาธารณะเป็นเรื่องรับไม่ได้ในญี่ปุ่น ไต้หวัน จีน และเกาหลี การจูบแบบดั้งเดิมของชาวอาทิตย์อุทัยยังดูเหมือนเป็นการตำหนิพฤติกรรมผิดศีลธรรมของคนตะวันตกกลายๆ กล่าวคือ คู่รักจะรักษาระยะห่างระหว่างกันและกัน ก่อนค้อมศรีษะเข้าหากันและประทับริมฝีปากอยู่แค่เสี้ยววินาที
     
       12 ระหว่างการจูบ ร่างกายจะผลิตสารที่มีฤทธิ์ในการเสพติดมากกว่ามอร์ฟีนถึง 200 เท่า คู่รักจึงรู้สึกเคลิบเคลิ้มเป็นสุข
     
       13 การจูบช่วยให้ผู้หญิงผ่อนคลายและสลายความเครียด
     
       14 โดยเฉลี่ยแล้วคนเราใช้เวลา 20,160 นาที (2 สัปดาห์) ตลอดชีวิตในการจูบ
     
       15 จูบ 1 นาที ปลดปล่อยไขมันจากร่างกาย 26 แคลอรี่
     
       16 เกือบทุกคนบนโลกสัมผัสประสบการณ์ ‘จูบแรก’ ก่อนอายุ 14 ปี

ที่มา


ดูเหมือนเกือบทุกคนรู้วิธีจูบ แต่อาจไม่รู้ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่น่าสนใจของการจุมพิต ยกตัวอย่างเช่นการจูบดีต่อเราหรือไม่? ควรจูบลาภรรยาก่อนออกจากบ้านหรือเปล่า? คนญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และอีกหลายประเทศจูบกันแบบไหน? จูบทำให้ผอมลงได้จริงหรือ?
     
        ต่อนี้ไปคือ ข้อมูลที่น่าสนใจที่สุดเกี่ยวกับการจุมพิต

       1 การจูบทำให้กล้ามเนื้อ 29 ส่วนบนใบหน้ามีการเคลื่อนไหว หมายความว่าการจูบเป็นวิธีบริหารกล้ามเนื้อที่ดีที่สุดเพื่อป้องกันความเหี่ยวย่น
     
       2 ในน้ำลายที่คู่รักแลกเปลี่ยนกันระหว่างการจูบประกอบด้วยสารต่างๆ มากมาย อาทิ ไขมัน เกลือแร่ โปรตีน จากการศึกษาล่าสุดพบว่า การแลกเปลี่ยนสารเหล่านี้ช่วยกระตุ้นการสร้างแอนติบอดี้มาจัดการกับเชื้อโรคชนิดต่างๆ ที่บุกรุกเข้าสู่ร่างกาย
     
       3 คน 66% หลับตาขณะจุมพิต ที่เหลือลืมตาชื่นชมอารมณ์บนใบหน้าของคนที่ประกบปากกันอยู่
     
       4 จากสถิติของสหรัฐฯ ผู้หญิงอเมริกันเคยจูบผู้ชาย 80 คนโดยเฉลี่ยก่อนแต่งงาน
     
       5 การจูบแบบเร่าร้อนแต่รวดเร็วเผาผลาญไขมันเพียง 2-3 แคลอรี่ แต่ถ้าจูบแบบเฟรนช์คิส ไขมันจะถูกเผาผลาญมากกว่า 5 แคลอรี่
     
       6 ริมฝีปากมีความอ่อนไหวต่อสิ่งเร้ามากกว่านิ้วถึง 200 เท่า
     
       7 เชื่อกันว่า ผู้ชายที่จูบภรรยาก่อนออกจากบ้านไปทำงาน มีชีวิตคู่ยืนยาวกว่าผู้ชายที่ออกจากบ้านโดยไม่ร่ำลาภรรยาถึง 5 ปี และผู้ชายกลุ่มหลังมีแนวโน้มสูงที่จะประสบอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง
     
       8 การจุมพิตอย่างดื่มด่ำแค่ 90 วินาที ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ชีพจรเต้นแรง ระดับฮอร์โมนในเลือดสูบฉีด ส่งผลให้อายุสั้นลง 1 นาที
     
       9 คนฝรั่งเศสเรียก ‘เฟรนช์คิสส์’ ว่า ‘จุดนัดพบของวิญญาณ’ เฟรนช์คิสส์คือการจูบที่ใช้ทั้งริมฝีปากและลิ้น นอกจากนั้น นักรักแดนน้ำหอมยังคิดค้นวิธีจูบอีกแบบที่ใช้ลิ้นเพียงอย่างเดียว
     
       10 ชาวเอสกิโมไม่ได้แค่เอาจมูกถูกันเพื่อแสดงความรักใคร่เท่านั้น แต่ขณะที่เอาจมูกเข้าไปชนกับฝ่ายตรงข้าม ริมฝีปากของชาวเอสกิโมจะเผยอขึ้นเล็กน้อย ก่อนสูดหายใจลึกและปล่อยลมหายใจออกมาขณะเม้มริมฝีปากลง หลังจากสูดกลิ่นของกันและกันเป็นที่เรียบร้อย ทั้งคู่จึงผลัดกันหอมแก้มโดยฝังจมูกไว้ที่แก้มฝ่ายตรงข้ามราวหนึ่งนาที
     
       11 การจุมพิตในที่สาธารณะเป็นเรื่องรับไม่ได้ในญี่ปุ่น ไต้หวัน จีน และเกาหลี การจูบแบบดั้งเดิมของชาวอาทิตย์อุทัยยังดูเหมือนเป็นการตำหนิพฤติกรรมผิดศีลธรรมของคนตะวันตกกลายๆ กล่าวคือ คู่รักจะรักษาระยะห่างระหว่างกันและกัน ก่อนค้อมศรีษะเข้าหากันและประทับริมฝีปากอยู่แค่เสี้ยววินาที
     
       12 ระหว่างการจูบ ร่างกายจะผลิตสารที่มีฤทธิ์ในการเสพติดมากกว่ามอร์ฟีนถึง 200 เท่า คู่รักจึงรู้สึกเคลิบเคลิ้มเป็นสุข
     
       13 การจูบช่วยให้ผู้หญิงผ่อนคลายและสลายความเครียด
     
       14 โดยเฉลี่ยแล้วคนเราใช้เวลา 20,160 นาที (2 สัปดาห์) ตลอดชีวิตในการจูบ
     
       15 จูบ 1 นาที ปลดปล่อยไขมันจากร่างกาย 26 แคลอรี่
     
       16 เกือบทุกคนบนโลกสัมผัสประสบการณ์ ‘จูบแรก’ ก่อนอายุ 14 ปี

ที่มา
http://blog.eduzones.com/wananthicha/10558


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น